10 แอร์ 12000 btu ยี่ห้อไหนดี เย็นเจี๊ยบ ประหยัดไฟปี 2025

ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งเมืองร้อน ไม่ว่าจะฤดูกาลไหน ๆ ก็จะมีฤดูร้อนปนมาเสมอ และยิ่งอยู่เมืองยิ่งทำให้หลาย ๆ คนทนร้อนจนทนไม่ไหว ด้วยสาเหตุเหล่านี้คนส่วนใหญ่จึงเริ่มหันมาใช้แอร์ 12000 btu มากขึ้น

เพราะวิธีคลายร้อนด้วยตนเองที่หลาย ๆ คนนิยมใช้คือ การกินน้ำเย็น อาบน้ำ หรือพัดวีใส่ตัวเอง ด้วยวิธีเหล่านี้สามารถคลายร้อนได้ระดับนึง แต่ช่วยได้ไม่นานและไม่ทันใจ ดังนั้นวิธีเหล่านี้จึงไม่ได้นิยมใช้ในปัจจุบันแล้ว

ซึ่งคนส่วนใหญ่หันมาพึ่งเทคโนโลยีทำความเย็นแทน ที่ให้ความเย็นนานและมากกว่าและสะดวกสบายกว่านั่นเอง และเทคโนโลยีที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้คือ เครื่องฟอกอากาศ พัดลมไอเย็น แอร์อินเวอร์เตอร์ แอร์ 9000 BTU และแอร์ 24000 BTU

แต่บทความนี้ท็อปวิวจะมาแนะนำแอร์ 12000 btu เพราะเป็นแอร์ที่ราคาประหยัด ประหยัดไฟ เหมาะสำหรับพื้นที่ห้องขนาดกลาง

แต่ถึงอย่างนั้นแอร์ 12000 นั้นมียี่ห้อทั้งเก่าและใหม่มากมายซึ่งแต่ะละยี่ห้อมีฟังก์ชันมากมาย และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน จนทำให้ผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ เลือกใช้ไม่ถูกกันเลยทีเดียว

ดังนั้น ท็อปวิวขอแนะนำ 10 อันดับ แอร์ 12000 btu ยี่ห้อไหนดีที่ประหยัดไฟไม่ทำให้ค่าใช้จ่ายบานปลาย และมีเสียงเบาที่ไม่ไปรบกวนเวลาพักผ่อนของคนภายในบ้าน มาเป็นตัวเลือกให้เพื่อน ๆ สามารถเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น

10 อันดับแอร์ 12000 btu ยี่ห้อไหนดี ประหยัดไฟ เย็นเจี๊ยบ เสียงเบา ประจำปี 2025

เพื่อให้เพื่อน ๆ เลือกซื้อได้ง่ายขึ้น ท็อปวิวขอแนะนำแอร์ 10 อันดับแอร์ 12000 btu ยี่ห้อไหนดีประหยัดไฟใช้งานดีมีคุณภาพ มาให้เพื่อน ๆ พิจารณาตามความชอบได้เลย ซึ่งแต่ละอันดับได้บอกจุดสังเกตุและข้อมูลที่จำเป็นเอาไว้แล้ว

1. TCL แอร์บ้าน TAC-IVX12

2.HAIER รุ่น HSU-13CQAA03T 

3.แอร์ CANDY รุ่น CWVN12EA03T

4.แอร์ Electrolux รุ่น ESV12CRR-B5

5. SAMSUNG รุ่น AR13TYHZCWKNST

6.CARRIER รุ่น LUNA 38AAF013

7.แอร์ MITSUTA รุ่น UNCB-12

8.CARRIER รุ่น RANGER 38ABF013-A/42ABF013-A

9.SAMSUNG AR12AGHQAWKNST

10.SHARP รุ่น AH-AU-GX13

วิธีเลือกซื้อแอร์ 12000 btu ให้คุ้มค่าและประหยัดพลังงาน

ก่อนจะไปซื้อแอร์ 12000 BTU หัวข้อนี้จะมาแนะนำหลักการพิจารณาการเลือกซื้อให้คุ้มค่า เพื่อที่ว่าจะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปคัดกรองแอร์ให้สามารถเลือกซื้อรุ่นนี้มีคุณภาพดีได้ ดังนั้น เรามาดูการแต่ละหัวข้อกันเลยครับ

รู้จัก BTU

BTU (British Thermal Unit) คือ ค่าหน่วยวัดพลังงานความร้อนตามมาตรฐานสากล โดยจะเป็นตัวบ่งบอกความสามารถในการถ่ายเทความร้อนภายในเวลา 1 ชั่วโมงนั่นเอง

BTU ตัวนี้เป็นตัวที่มีความสอดคล้องกับขนาดของห้องและการใช้พลังงานของแอร์ด้วย โดยทั่วไปแล้วค่า btu จะมีตั้งแต่ 9000-36000 btu เลยที่เดียว ถ้าหากเราเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี BTU มากกว่าขนาดห้อง

จะทำให้ห้องเย็นจนหนาวและสิ่งที่ตามมาก็คือ ค่าไฟที่เกินตัว แถมเราก็ยังซื้อเครื่องปรับอากาศราคาแพงเกินความจำเป็นอีกด้วย และถ้าหากเราซื้อแอร์ที่มี btu น้อยกว่าขนาดห้อง ก็จะทำให้ห้องนั้นเย็นช้าหรือไม่เย็นเลย แถมยังทำให้แอร์ทำงานหนักเพิ่มขึ้นด้วย

เพราะฉะนั้น เราจำเป็นต้องรู้จัก BTU เพื่อเลือกและพิจารณาให้เหมาะสมกับขนาดห้องของเรา แต่ไม่ต้องกังวลไปขับ ผมมีเกณฑ์ที่สามารถประมาณค่าว่าขนาดห้องประมาณนี้ต้องใช้ btu เท่าไหร่

• ห้องที่ที่มีขนาดไท่เกิน 20 ตารางเมตร เช่น คอนโด ห้องนอน ห้องนั่งเล่นขนาดกลาง ใช้ขนาด btu ประมาณ 12000 btu

พิจารณาจากความเงียบ

ความเงียบเป็นสิ่งทำเป็นต่อการพักผ่อนร่างกาย ซึ่งถ้าเครื่องปรับอากาศเราเย็นและประหยัดไฟแล้วแต่เสียงของเครื่องดังรบกวนจนทำให้นอนไม่หลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็ส่งผลต่อสุขภาพเราได้ครับ

ดังนั้นเสียงที่เราควรได้รบและไม่รบกวนการพักผ่อน ระดับเสียงควรไม่เกิน 75 dB ซึ่งเป็นระดับที่พอดีกับที่หูมนุษย์จะรับได้ ข้อแนะนำอีกอย่างนึงก็คือให้เลือกระบบอิเวอร์เตอร์จะทำให้เสียงการทำงานเบาลงครับ

เลือกเครื่องที่มีฉลากเบอร์ 5

นอกจากจะเลือกเครื่องที่เหมาะกับขนาดห้องแล้ว การเลือกแอร์ที่มีฉลากเบอร์ 5 ก็มีความสำคัญต่อการประหยัดไฟเช่นกัน ซึ่ง ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นฉลากที่ประหยัดไฟที่สุดแล้ว

นอกจากนี้แนะนำให้เลือกเครื่องที่มีระบบอินเวอร์เตอร์ เป็นอีกระบบนึ่งที่ช่วยการทำงานหลาย ๆ อย่างรวมไปถึงการช่วยประหยัดไฟได้อีกด้วย

เลือกแอร์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

ถ้าหากเราเลือกเครื่องปรับอากาศที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม คนที่ได้รับผลกระทบบริเวณตรงนั้นเป็นคนแรก ๆ คือผู้ใช้งาน ด้วยเทรนการรักษ์โลกทำให้ผู้ผลิตหลายแบรนด์สร้างเครื่องปรับอากาศที่ดีต่อสภาพแวดล้อมกันมากขึ้น

ข้อแนะนำอีกหนึ่งเรื่องคือ น้ำยาแอร์ R32 เป็นสารทำความเย็นที่ดีต่อสภาพแวดล้อม มีประสิทธิภาพในการทำความเย็นได้สูง นอกจากนี้เป็นน้ำยาที่ไม่ลามไฟ แถมยังมีราคาย่อมเยากว่าอันอื่น ๆ ด้วย

เลือกร้านที่มีบริการดี

เครื่องปรับอากาศ หรือแอร์ เป็นสิ่งที่ต้องใช้ในระยะยาว และในการใช้งานที่ระยะยาวนั้นการมีร้านนี้ให้บริการดีและมีช่างซ่อมประจำร้านเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก ข้อแนะนำคือให้เลือกซื้อร้านที่มีบริการที่ดี

แน่นอนว่าช่างประจำร้านนั้น ๆ จะมีอะไหล่พร้อมใช้งานมากกว่าร้านทั่วไป ข้อแนะนำอีกอย่างนึงก็คือ ควรซื้อเครื่องปรับอากาศที่ไม่เป็นรุ่นเก่าจนเกินไป เพราะอาจจะไม่มีอะไหล่มาเปลี่ยนให้แล้วก็ได้

ทั้งหมดนี้เป็นหลักการพิจารณาที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ เลือกซื้อแอร์ปรับอากาศได้ง่ายขึ้น แต่หากให้ยังลังเลและไม่รู้จะซื้อยี่ห้อไหนดีขอแนะนำให้ดูตรงที่จัด 10 อันดับแอร์ 12000 BTU ได้เลยครับ

วิธีดูแลแอร์เครื่องปรับอากาศเบื้องต้น

ในหัวข้อนี้ผมจะแบ่งปันเทคนิคดูแลแอร์เบื้องต้นเพื่อที่จะรักษาแอร์ปรับอากาศให้ใช้ได้เป็นเวลานาน เราควรรู้จักวิธีดูแลเบื้องต้นที่ถูกต้อง ดังนั้น เรามาดูแต่ละข้อกันเลยครับ

1. หมั่นทำความสะอาดใส้กรอง ยิ่งถ้าที่อยู่อาศัยของเพื่อน ๆ ติดถนนจะมีฝุ่นและความสกปรกหมักหมม ยิ่งสะสมเป็นเวลานานยิ่งทำให้แอร์ของเพื่อน ๆ ทำงานได้มีประสิทธิภาพลดลง ซึ่งจะทำให้เครื่องเสียเร็วขึ้น
2. ล้างเครื่องปีละ 2 ครั้ง  ในการล้างเครื่องแนะนำให้เรียกช่างแอร์จะดีมาก หากเพื่อน ๆ เป็นมือใหม่ ซึ่งการลางเครื่องจะช่วยให้ประสิทธิภาพในการทำงานกลับมาเป็นแบบเดิม และเนื่องจากเครื่องได้มีการใช้เป็นเวลานานทำให้เครื่องใช้ไฟมาขึ้น การล้างทำความสะอาดจะช่วยประหยัดไฟได้อีกด้วย
3. เช็คน้ำยาแอร์  น้ำยาแอร์ คือสารทำความเย็น ไม่ส่งกลิ่น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของแอร์ ซึ่งถ้าน้ำยาแอร์หมด จะทำให้เครื่องทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ นั่นเป็นสาเหตุที่หลายคนเรียกว่า แอร์ไม่เย็น
4. หมั่นสังเกตสิ่งผิดปกติ สิ่งผิดปกติที่เราสังเกตเห็นได้ง่าย ๆ คือ เสียงที่ผิดปกติ โดยถ้าเครื่องของเพื่อน ๆ มีเสียงแปลก ๆ ให้ได้ยิน ไม่ควรปล่อยไว้เป็นเวลานาน รีบโทรหาช่างเพื่อมาซ่อมทันที

 สรุป

เป็นยังไงบ้างครับสำหรับ 10 อันดับแอร์ 12000 btu ยี่ห้อไหนดี ที่ท็อปวิวได้แนะนำไป หวังว่าจะทำให้คนที่ลังเลและไม่รู้จะไปซื้อยี่ห้อไหนดี มีตัวเลือกในใจเพิ่มขึ้นและตัดสินใจได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเข้าไปใหญ่

แต่ขอแนะนำว่าขนาดห้องกับ btu เป็นหลักการที่สำคัญต่อการประหยัดพลังงาน

ซึ่งแอร์เป็นอปกรณ์ที่คลายร้อนได้เป็นอย่างดี ทำให้การทำงานและการเดินทางมาเหนื่อยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ถือว่าเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพอย่างมากครับ