เครื่องดูดความชื้น ยี่ห้อไหนดี ลดความชื้น เชื้อราและปัญหากลิ่นอับ ภายในห้อง ปี 2023

เครื่องดูดความชื้น ยี่ห้อไหนดี หากคุณกำลังค้นหาคำนี้ ท็อปวิวเชื้อว่าคุณกำลังกังวลเกี่ยวกับความชื้น เชื้อลา และแบคทีเรียตามบ้านที่จะส่งผลกระทบคนในครอบครัวของคุณ
เครื่องดูดความชื้น (dehumidifier) คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถดูดความชื้น บริเวณรอบ ๆ ทั้งในห้องนอน ห้องนั่งเล่น และอื่น ๆ ได้
ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สมัยและหลาย ๆ คนนิยมใช้ในปี 2023 เป็นอย่างมาก และยังมีแอร์อินเวอร์เตอร์ เครื่องฟอกอากาศ หรือ เครื่องดูดฝุ่น ที่จะค่อยด้วยให้บริเวณรอบ ๆ บ้าน เย็นสบาย สะอาด และน่าอยู่ยิ่งขึ้น
หากคุณยังไม่รู้จะซื้อเครื่องดูดความชื้น ยี่ห้อไหนดี ที่คุ้มค่า คุณภาพดีมีประโยชน์ต่อการใช้งานมากที่สุด ท็อปวิวขอแนะนำ 10 เครื่องดูดความชื้น รุ่นยอดฮิตแห่งปี 2023
และบอกเทคนิคการเลือกซื้อที่คุ้มค่า หากคุณต้องการไปเลือกซื้อเอง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูอันดับแรกกันเลยดีกว่าค่ะ
เหลุผลที่ควรเลือกซื้อเครื่องดูดความชื้น
- ปรับความชื่นที่เหมาะสม ทำให้บรรยากาศบริเวณรอบ ๆ ดีขึ้น ส่งผลให้ระบบทำงานในร่างกายดีขึ้น
- ลดเชื้อรา แบคทีเรีย ที่จะเกิดเพราะความชื้น ซึ่งจะสะสมตามที่ต่าง ๆ รอบบริเวณ
- ป้องกันกลิ่นแบภายในบ้านได้ เพราะเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ลดลง ส่งผลให้กลิ่นอับในห้องลดลงไปด้วย
- ยื่นอายุการใช้งานในสิ่งของภายในบ้านได้ เนื่องจากสิ่งของภายในบ้านหลายอย่างทำมาจากวัสดุที่อาจเกิดสนิมได้ ดังนั้นการใช้เครื่องดูดความชื่น ช่วยให้ของภายในบ้านใช้งานได้นานขึ้น
แนะนำ 8 เครื่องดูดความชื้น ยี่ห้อไหนดี ลดความชื้น เชื้อราและปัญหากลิ่นอับ ภายในห้อง ปี 2023
1. SHANBEN เครื่องดูดความชื้น

ขนาดเครื่อง | 350*210*520 |
เหมาะสมกับห้อง | 20-30 ตาราเมตร |
เสียง | 45 dB |
ความจุของถังน้ำ | ไม่ระบุ |
ประกันของสินค้า | 2 ปี |
ฟังก์ชันหลากหลาย มีระบบฟอกอากาศ ดูดความชื้นได้ดี ใช้งานง่าย
SHANBEN เครื่องดูดความชื้น มัลติฟังก์ชัน ทำงานได้หลากหลาย และเป็นที่นิยมสำหรับผู้ใช้งานจริง สามารถดูดความชื้นในอากาศได้อย่างรวดเร็ว มีระบบฟอกอากาศ Photocatalyst และตั้งค่าความชื้นได้
ตอบโจทย์สำหรับพื้นที่ขนาดกลางอย่างคอนโด ห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องอื่น ๆ ซึ่งเป็นตัวที่ใช้งานง่าย มีจอ LCD มองเห็นชัดเจน สามารถควบคุมผ่านแอปพลิเคชั่นได้
นอกจากใช้งานง่ายแล้ว ยังดูแลง่าย เพราะตัวถังเก็บน้ำสามารถนำไปถอดเททิ้งได้ไม่ลำบาก
2. HOMEMATE รุ่น HOM-1630L2

ขนาดเครื่อง | 330 มม. x 203 มม. x 500 มม. |
เหมาะสมกับห้อง | 30 ตารางเมตร |
เสียง | 45 dB |
ความจุของถังน้ำ | 4.5 ลิตร |
ประกันของสินค้า | 1 ปี |
กระทัดรัด เสียงเบา เหมาะสำหรับการพักผ่อน ประหยัดไฟ
HOMEMATE รุ่น HOM-1630L2 มีสีขาวดีไซน์มินิมอล ขนาดเล็กตอบโจทย์กับทุกสไตล์ของห้อง เหมาะสำหรับขนาดห้อง 30 ตารางเมตร
เสียงการทำงานระดับ 45 เดซิเบลไม่ส่งเสียงดังรบกวนคนในบ้าน อีกทั้งยังมีฟังก์ชันขณะนอนหลับเสียงเงียบเข้าไปอีก นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องที่ประหยัดไฟ มีความปลอดภัยสูง เพราะหากมีน้ำเต็มถังความจุเครื่องจะหยุดทำงานทันที
3. เครื่องดูดความชื้น LG PuriCare Dehumifier 16 รุ่น MD16GQSA1.ATH

ขนาดเครื่อง | 296*382*715 |
เหมาะสมกับห้อง | 66 ตารางเมตร |
เสียง | 33dB |
ความจุของถังน้ำ | ไม่ระบุ |
ประกันของสินค้า | 1 ปี |
คุณภาพดี ทันสมัย ควบคุมผ่านแอปพลิเคชั่น
LG PuriCare Dehumifier 16 เครื่องดูดความชื้นขนาดใหญ่ แบรนด์ดังมีคุณภาพ น่าเชื่อถือไว้ใจได้ ซึ่งรุ่นนี้เค้าโดดเด่นในเรื่องของคอมเพรสเซอร์ระบบ Dual Inverter
ช่วยในเรื่องประหยัดพลังงาน มีเสียงรบกวนน้อยและมีประสิทธิภาพเหนือกว่ารุ่นทั่วไป ในการใช้งาน LG ยังออกแบบการใช้งานสมัยใหม่ สามารถควบคุมผ่านแอปพลิเคชั่น LG ThinQTM ได้
4. HOMEMATE เครื่องดูดความชื้น รุ่น HOM-1612L2

ขนาดเครื่อง | 242 x 140 x สูง 370 มม. |
เหมาะสมกับห้อง | 15 ตารางเมตร |
เสียง | 42 dB |
ความจุของถังน้ำ | 2 ลิตร |
ประกันของสินค้า | ไม่ระบุ |
ตอบโจทย์ห้องขนาดเล็ก ตั้งเวลาเปิด-ปิดได้ เคลื่อนย้ายสะดวก
หากใครมีห้องขนาดเล็ก ท็อปวิวแนะนำ HOMEMATE เครื่องดูดความชื้น รุ่น HOM-1612L2 รุ่นนี้เลย ซึ่งเหมาะกับพื้นที่ 15 ตารางเมตร
มีฟังก์ชันที่คอยอำนวยความสะดวกอย่างการตั้งเวลาเปิด-ปิดได้ รวมไปถึงหากถังน้ำเต็มมีฟังก์ชันติดการทำงานและเตือนให้เอาไปเททิ้งอีกด้วย
สุดท้ายนี้ยังเป็นตัวที่เคลื่อนย้ายสะดวก มีหูหิ้วและล้อลาก ซึ่งเคลื่อนที่ได้ง่าย
5. เครื่องดูดความชื้น WIDETECH WDH312ENW1

ขนาดเครื่อง | 30.5*46.7*19.4 cm |
เหมาะสมกับห้อง | ขนาดกลาง |
เสียง | เบา |
ความจุของถังน้ำ | 1.1-2.5L |
ประกันของสินค้า | 1 week |
ราคาประหยัด ทันสมัย ฟังก์ชันมากมาย เงียบเบา
WIDETECH WDH312ENW1 เครื่องดูดความชื่นราคาประหยัดยอดนิยม คุณภาพเยี่ยม ที่หลาย ๆ คนต่างแนะนำกัน เป็นรุ่นทันสมัยตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มาก ๆ
ด้วยมัลติฟังก์ที่ทำงานได้หลายหลาย เช่น รีสตาร์ทอัตโนมัติ Humidistat ปรับได้ และละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ และล้างทำความสะอาดกรองอากาศ
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีลดความชื้นคอมเพรสเซอร์ ประหยัดพลังงานและเสียงเงียบด้วย
6. Xiaomi Mi Smart Dehumidifier 22L

ขนาดเครื่อง | 38.1 ซม. x 24.6 ซม. x 59.7 ซม. |
เหมาะสมกับห้อง | ขนาดกลาง |
เสียง | 40-45 เดซิเบล |
ความจุของถังน้ำ | 4.5L |
ประกันของสินค้า | 3 เดือน |
ดีไซน์เอกลักษณ์ เคลื่อนย้ายง่าย ทำงานต่อเนื่อง กรองฝุ่นได้ด้วย
เครื่องดูดความชื้น Xiaomi ดีไซน์ทรงกระบอกขนาดเล็กกระทัดรัด สีขาวน่ารักเข้ามีล้อขนาดเล็ก ทำให้เคลื่อนย้ายได้ง่าย ตอบสนองความต้องการได้ทั้งบ้าน
ส่วนประกอบกรองฝุ่นประกอบได้ง่ายและนำกลับมาใช้ได้ ใช้งานง่ายมีฟังก์ชันป้องกันเด็กปลอดภัย รวมไปถึงปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อเครื่องล้ม
สุดท้ายนี้ยังเครื่องนี้เหมาะสำหรับห้องขนาดกลางใช้งานได้นานสูงสุดได้ 8 ชั่วโมง
7. HAFELE เครื่องดูดความชื้น

ขนาดเครื่อง | 228x150x373 mm. |
เหมาะสมกับห้อง | 20-25 ตารางเมตร |
เสียง | 42 เดซิเบล |
ความจุของถังน้ำ | 2 ลิตร |
ประกันของสินค้า | ไม่ระบุ |
ราคาน่ารัก น้ำหนักเบา ประหยัดไฟ
HAFELE เครื่องดูดความชื้น ราคาย่อมเยาคุณภาพเยี่ยมสามารถดูดความชื้นและสกัดน้ำได้สูงสุดถึง 750 มล. ต่อวัน เหมาะสำหรับห้องนอน และห้องนั่งเล่น
ทำมาจากวัสดุพลาสติก ABS ที่มีความแข็งแรงและน้ำหนักเบา ซึ่งเครื่องดูดความชื้นเครื่องประหยัดไฟมาก และเสียงเบาไม่รบกวนผู้ใช้งาน ถือว่าเป็นเครื่องที่น่าสนใจ
8. HOMEMATE เครื่องดูดความชื้น รุ่น HOM-16F402

ขนาดเครื่อง | 300 X 330 X 540MM. |
เหมาะสมกับห้อง | 25-35 ตรม. ห้อง |
เสียง | 40-45 เดซิเบล |
ความจุของถังน้ำ | ไม่ระบุ |
ประกันของสินค้า | 1 ปี |
ปลอดเชื้อ และไรฝุ่น ดูดความชื้นได้ยอดเยี่ยม ใช้งานสะดวกสบาย
ตัวเด่นคุณภาพสุดที่จะมาช่วยในเรื่องของลดวงจรไรฝุ่น เชื้อรา กับแบคทีเรีย ด้วยแผ่นกรอง HEPA ที่ช่วยให้อากาศของคุณสะอาด ซึ่งเป็นฟังก์ชันเสริมของเครื่องดูดความชื้นตัวนี้ค่ะ
HOMEMATE เครื่องดูดความชื้น รุ่น HOM-16F402 ดีไซน์ทันสมัยมินิมอล เหมาะกับดูดวามชื้นกับขนาดห้อง 25 ตารางเมตรขึ้นไป มีเสียงเงียบและประหยัดไฟมากกว่ารุ่นทั่วไป
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันการเชื่อมต่อด้วย WiFi และอำนวยความสะดวกสะสบายด้วยการตั้งเวลาเปิด-ปิดของเครื่องได้อีกด้วย
วิธีเลือกซื้อเครื่องดูดความชื้น ยี่ห้อไหนดีให้คุ้มค่า
1. เลือกประเภทของเครื่องดูดความชื้นที่คุณต้องการ
- เครื่องดูดความชื้นที่เหมาะกับฤดูกาล บางเครื่องจะตอบโจทย์การใช้งานในหน้าร้อน ซึ่งทำงานโดยดูดความชื้นและทำให้อากาศเย็นลงได้ ส่วนเครื่องที่ใช้งานกับหน้าหนาวจะมีฮีตเตอร์ จะค่อยเป็นตัวทำความร้อนให้ภายในห้องมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นนั่นเอง ซึ่งแต่ละประเภทจะตอบโจทย์เฉพาะส่วนเท่านั้น แต่ราคาเข้าถึงได้ง่าย
- เครื่องดูดความชื้นที่ใช้ได้ทุกฤดูกาล ประเภทแบบไฮบิต จะตอบโจทย์ทุกฤดูการไม่ว่าจะเป็นหน้าร้อนหรือหนาว ซื้อครั้งเดียวใช้งานได้อย่างคุ้มค่า แต่จำเป็นต้องแลกมากับราคาที่แพงกว่า
2. ขนาดเครื่องดูดความชื้นต้องสอดคล้องกับขนาดห้อง
เครื่องดูดความชื้นก็เหมือนแอร์เคลื่อนที่ แอร์ 24000 BTU หรือ เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi ที่ต้องคำนึงถึงคุณภาพของห้องด้วย จึงจะให้งานได้อย่างเต็มที่
ดังนั้นการเลือกซื้อ ควรเลือกดูว่าเครื่องดูดความชื้นรองรับกับขนาดห้องกี่ ตารางเมตร แล้วจึงค่อยเลือกซื้อมาใช้งาน
และสำหรับใครที่มีห้องขนาดเล็ก มีพื้นที่จำกัด การเลือกซื้อเครื่องดูดความชื้นขนาดเล็ก จะตอบโจทย์การใช้งานมากกว่านั่นเอง
3 ความสะดวกต่อการดูแล
การดูดความชื้นมาสะสมหมายความว่าต้องนำน้ำเสียที่จากดูดไปทิ้งอยู่เป็นประจำ นั่นเองอีกหนึ่งเหตุผลที่สำคัญในการเลือกซื้อเครื่องดูดความชื้นคือ ความสะดวกต่อการนำน้ำไปเททิ้งนั่นเอง
ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันจะมีมการเทน้ำทิ้ง 2 แบบคือ แบบปกติและแบบที่สามารถต่อท่อเพื่อปล่อยน้ำได้เลย แน่นอนว่าการต่อท่อจะสะดวกกว่านั่นเองค่ะ
4. ฟังก์ชันพิเศษของเครื่องดูดความชื้น
ฟังก์ชันพิเศษจะคอยอำนวยความสะดวกต่อการใช้งานได้มากขึ้น ด้วยฟังก์ชันที่ท็อปวิวมองว่าควรมีคือ โหมดตั้งเวลาและโหมดเงียบ ซึ่งมีผลต่อการพักผ่อนเป็นอย่างมาก
และอีกฟังก์ชันหนึ่ง คือการป้องกันกลิ่นอับและกลิ่นไม่พึงประสงค์ ซึ่งกลิ่นเหล่านี้อาจจะของมาจากช่องเทน้ำทิ้ง หากเครื่องดูดความชื้นมีฟังก์ชันนี้ จะสามารถป้องกันกลิ่นได้สมบูรณ์แบบเลยค่ะ
สรุป
และแล้วก็มาถึงช่วงสุดท้ายกับหัวข้อเลือกซื้อเครื่องดูดความชื้น ยี่ห้อไหนดี หากคุณอ่านมาถึงจุดนี้ ท็อปวิวเชื่อว่าคุณได้ตัวเลือกที่ในใจแล้ว
และการเลือกลงทุนซื้อเครื่องดูดความชื้นเพื่อดูสุขภาพตนเองและคนในครอบตัว ทำให้บรรยากาศบ้านน่าอยู่ ช่วยเยียวยาจิตในคนภายในบ้านได้เป็นอย่างดีนับว่าดีมาก ๆ ค่ะ